ตำรวจจับหนุ่มนครพนมค้ายาบ้านำเข้าจากลาวพร้อมยึดเงินอีกกว่า 2 แสนบาท
พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ถาวรพจน์ ผกก.สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แถลงผลจับกุม นายพุทธรักษ์ บุตรหาร และเพื่อนร่วมแก๊ง น.ส.นาริน โคตะ ชาวบ้านน้ำก่ำ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ยึดของกลางยาบ้าจำนวน 4,516 เม็ด รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน โดยจับกุมได้หลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบผู้ต้องหามีพฤติกรรมเป็นเอเย่นค้ายาบ้าจึงวางแผนเข้าจับกุมได้ ขณะขับรถจักรยานยนต์ไปรับยาบ้ามาจากชาวลาว บริเวณถนนบ้านดอนข้าวหลาม ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม พร้อมกับเพื่อนร่วมแก๊ง เจ้าหน้าที่จึงสกัดตรวจค้นจับกุมไว้ได้ พร้อมของกลางยาบ้าดังกล่าว ควบคุมตัวมาสอบสวน เบื้องต้นจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า ปกติไม่มีอาชีพ ทำงานรับจ้างทั่วไป จึงไปรู้จักเพื่อนที่ค้ายาบ้า จึงชักชวนหันไปติดต่อซื้อยาจากชาวลาวมาขาย เริ่มจากจำนวนไม่กี่ 100 เม็ด จากนั้นทำได้ประมาณ 3 เดือน จึงมีเงินหมุนเวียนกว่า 2 แสนบาท ครั้งนี้จึงสั่งเป็นเงินทั้งหมด จำนวน 2 แสนบาท โดยมีพ่อค้าชาวลาวนำมาส่งตามนัดหมาย และจ่ายเป็นเงินสด เพื่อนำมาส่งขายต่อให้เอเย่นต์ชาวไทยที่รู้จักกันได้กำไรครั้งละ 20,000-30,000 บาท จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ ซึ่งตำรวจจะได้สอบสวนขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ບັນຫາຢາເສບຕິດຕາມຊາຍແດນລາວ-ໄທ ກໍ່ບໍ່ຕ່າງຫຍັງກັບບັນຫາຢາເສບຕິດຕາມຊາຍແດນອາເມຣິການ-ແມັກຊິໂກ,
ລັກລອບເຂົ້າມາທຸກດ້ານ ໜ້າດິນ ໃຕ້ດິນ ໜ້ານໍ້າແລະທາງອາກາດ. ບໍ່ພຽງແຕ່ບັນຫາການຄ້າຢາເສບຕິດ, ບັນຫາຄ້າ
ຂາຍມະນຸດ ບັນຫາແຮງງານຜິດກົດໝາຍ ສາຣະພັດຢ່າງ.
ເລີ້ມເປັນຂີ້ຫລັກຫລາຍຂື້ນແລ້ວພີ່ນອ້ງຮ່ວມຊາດ
วันนี้ (6ก.พ.) ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผบก.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.ร่วมแถลงข่าวแถลงจับกุมนายบุญมี ศายาวงศ์ อายุ 36 ปี ชาวลาว และนายชาติ ชักเรือน อายุ 33 ปี ชาวกัมพูชา ผู้ต้องหาคดีล้วงกระเป๋า พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือราคาแพง 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารต่างๆรวม 5 เล่ม
พล.ต.ต.รอย กล่าวว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่า สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุล้วงกระเป๋าบนสถานีรถไฟฟ้าได้ เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาทั้งสองคนจึงนำตัวมาสอบสวน พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้าพบว่าสามารถจับภาพได้ขณะที่ผู้ต้องหาก่อเหตุกำลังล้วงกระเป๋าผู้เสียหายเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามภาพจริง ขยายผลไปตรวจค้นบ้านพักในอ.สามพราน จ.นครปฐม พบของกลางโทรศัพท์มือถือและสมุดเงินฝากธนาคารหลายเล่มจึงยึดไว้เป็นของกลาง
จากการสอบสวนนายบุญมี ให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพรับจ้างขนผักในตลาดไท มีชาวกัมพูชาที่เป็นหัวหน้าแก๊งมาชักชวนล้วงกระเป๋า แต่ถูกตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้ จากนั้นตนเห็นว่ามีรายได้ดีจึงได้ชักชวนนายชาติชาวเขมร ไปร่วมตระเวนก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ ตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว และห้างสรรพสินค้าต่างๆที่มีคนพลุกพล่าน มีรายได้เฉลี่ยวันละ 2,000 - 14,000 บาท เฉลี่ยรายได้ต่อเดือน 2 – 3 แสนบาท นำเอาทรัพย์สินที่ได้ไปขายต่อและนำเงินเล่นการพนันและเที่ยวเตร่ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดี พร้อมประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขึ้นบัญชีให้เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้าในราชอาณาจักรต่อไป.