หนองคาย - ศุลกากรหนองคาย รวบสาวลาวซุกยาบ้า 279 เม็ดในเป้ากางเกง สารภาพรับจ้างขนจากลาวส่งอุดรธานี หวังได้เงินค่าจ้างไปรักษาพ่อที่ป่วย ช่วงเช้าวันนี้ (21 ก.พ.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย นายอัสนี เรืองบุญ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุม นางบุนทัน ไซยะวง อายุ 31 ปี ราษฎรเมืองหลวงพระบาง แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทั้งนี้ ขณะที่นางบุนทันลงจากรถโดยสารประจำสะพานเข้าทำพิธีการผ่านแดน เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นมีท่าทางพิรุธ จึงเรียกตรวจค้น นางบุนทันก็รับสารภาพโดยทันทีว่า ซุกซ่อนยาบ้า 279 เม็ด ไว้ในเป้ากางเกง จากการสอบสวน นางบุนทัน ให้การว่า ทำงานอยู่โรงงานประกอบโทรศัพท์ ขณะนี้พ่อป่วย ต้องหาเงินรักษาพ่อ และมีเพื่อนสาวชาวลาวติดต่อให้นำยาบ้ามาส่งให้แก่ลูกค้าที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี แล้วจะให้ค่าจ้าง 20,000 บาท ด้วยความที่อยากได้เงินมารักษาพ่อ จึงตอบตกลง และได้เงินค่าจ้างล่วงหน้า 2,500 บาท แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้เข้าตรวจสอบที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สามหมื่น ต.แม่ตื่น อ.แม่ระมาด จ.ตาก และป่าสงวนแห่งชาติป่าอมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่ติดต่อกัน โดยพบอีกด้วยว่าผืนป่าดังกล่าวถูกบุกรุกไปทั้งหมด 250 ไร่ และที่น่าตกใจคือมีการปลูกต้นฝิ่นไปแล้วถึง 100 ไร่ ถือว่าเป็นไร่ฝิ่นที่ขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เจ้าหน้าที่เคยตรวจพบ
สำหรับต้นฝิ่นที่พบในครั้งนี้พบว่าได้กรีดยางไปบ้างจำนวนหนึ่งแล้ว นอกจากปลูกฝิ่นแล้ว ก็ยังปลูกต้นกัญชาแซมไว้ตลอดแปลงอีกด้วย ภายหลังจากการเข้าตรวจสอบแล้ว พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ สั่งทำลายต้นฝิ่นและต้นกัญชาทั้งหมดที่พบ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังไว้ เพื่อป้องกันการเข้ามาบุกอีกครั้ง
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า การตรวจค้นครั้งนี้ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นในพื้นที่จุดที่ 12 และจุดที่ 13 จากจำนวนทั้งสิ้น 18 จุด เนื้อที่รวม 250 ไร่ จากการตรวจค้นครั้งนี้พบว่ามีการลักลอบปลูกฝิ่นในพื้นที่ป่าสงวน โดยหลังจากนี้ได้สั่งการให้ทางสถานีตำรวจภูธรแม่ระมาดซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เข้ามาดำเนินการต่อไป
ด้านพล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสืบสวนทราบว่าไร่ฝิ่นดังกล่าวนั้นมีนายทุนกลุ่มหนึ่งเป็นคนดำเนินการ และจัดจ้างชาวเผ่าม้ง,กระเหรี่ยงเป็นคนปลูกและดูแล โดยมีการต่อท่อสายยางเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับฝิ่น ทั้งนี้ในส่วนของมูลค่าฝิ่นทั้งหมดที่ทางเจ้าหน้าที่ทำลายในครั้งนี้เฉลี่ยไร่ละประมาณ 3-4 แสน รวมทั้งหมด 18 แปลง มูลค่าสูงถึง3พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบกลุ่มนายทุนดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ อย่างไรก็ตามหากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1136 ตลอด 24 ชั่วโมง